top of page

วัดปลอดรถโลก 22.09.2018


World Car Free Day หรือ วันปลอดรถ จัดขึ้นทุกวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี

เป็นวันที่ทั่วโลกรณรงค์ไม่ใช้รถยนต์ โดยหันไปใช้รถสาธารณะ ระบบขนส่งมวลชน ปั่นจักรยาน หรือเดินแทน

เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงมลภาวะซึ่งเกิดจากรถยนต์จำนวนมหาศาลบนท้องถนน

เป็นการแสดงให้เห็นว่า เราสามารถใช้ชีวิต ไปที่ต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเสมอไป

ทั้งยังช่วยให้การจราจรคล่องตัวขึ้น ทำให้เดินทางด้วยรถสาธารณะได้รวดเร็วกว่าที่คิด

นอกจากนั้นยังลดการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยประหยัดค่าน้ำมันซึ่งสูงกว่าการใช้ขนส่งมวลชนได้อีกด้วย

หากเราลองมาดูประเทศที่มีมลพิษในเขตเมืองมากที่สุด

อันดับหนึ่งคือ ปากีสถาน รองลงมาคือ กาตาร์ อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ และอียิปต์

ส่วนประเทศที่ก่อมลพิษโดยรวมมากที่สุด คือ จีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย รัสเซีย และญี่ปุ่น ตามลำดับ

มลพิษจากการจราจรเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ทั่วโลกเรามีคนเสียชีวิตจากมลภาวะหลายแสนคนต่อปี

ทำให้บางประเทศเกิดความตื่นตัวกันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เช่น ประเทศในสหภาพยุโรป แคนาดา กลุ่มสแกนดิเนเวีย และนิวซีแลนด์

แต่ที่ดูโดดเด่น ขอยกตัวอย่าง เดนมาร์ก ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตจนเมืองหลวง กรุงโคเปนเฮเกน ได้รับสมญานามให้เป็น “เมืองแห่งจักรยาน”



หากเราไปเที่ยวจะแทบไม่เห็นรถวิ่งบนท้องถนนเลย มองไปทางไหนก็มีแต่จักรยาน

เกือบทุกคนปั่นจักรยานไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปชอปปิง ไปเที่ยว ไปไหนต่อไหนก็ใช้จักรยานกันหมด

ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเดนมาร์กลดลง 35% จากเมื่อสิบปีก่อน

และก๊าซเรือนกระจกบนท้องถนนในเมืองหลวงก็หายไปถึง 84% เลยทีเดียว

อีกทั้งการปั่นจักรยานยังทำให้ทุกคนแข็งแรงขึ้น

เดนมาร์กสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ลงได้ถึงปีละกว่า 380 ล้านเหรียญ หรือกว่า 12,000 ล้านบาท

และลดการเสียชีวิตจากสุขภาพลงได้มากถึง 30% เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา

นอกจากนั้นประเทศยังประหยัดงบประมาณมหาศาลในการสร้างและดูแลถนนหนทางอีกด้วย


รู้จักประโยชน์ของการงดใช้รถ ต่อทั้งตัวเราเอง ทั้งประเทศ และโลกของเราแบบนี้แล้ว

เราทุกคนสามารถเริ่มทำได้เลย

หรือหากยังไม่อินหรือไม่รู้จะเริ่มแบบไหน ไปร่วมกิจกรรมที่มีทั้งของรัฐบาลและเอกชนในวันนี้สิ

ลองทำดูสักครั้ง คุณอาจจะรู้สึกว่า “รถยนต์ก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น” ก็ได้

จากนี้ เมื่อไหร่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถ ก็หันมาใช้รถสาธารณะ และทำต่อไปทุก ๆ วัน

เพราะอนาคตของลูกหลานเรา ขึ้นอยู่กับอนาคตของโลกใบนี้ จากการกระทำของพวกเราเอง

ACTs Of Green

ONE SMALL CHANGE

-can make-

ONE BIG DIFFERENCE


รวบรวมและสรุปข้อมูลจาก :

bottom of page