top of page

เสื้อผ้าก็ช่วยโลกได้


จากบทความที่แล้วที่เราพูดถึง ปัญหามลพิษที่เกิดจากเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ต่าง ๆ ก่อให้เกิดไมโครพลาสติกอันตรายกระจายไปทั่วโลก

โดยเราสามารถแก้ไขด้วยการเปลี่ยนมาใช้เสื้อผ้าเส้นใยธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งเราจะเลือกเป็น ผ้าฝ้าย 100% ฝ้ายออร์แกนิก 100% ผ้าลินิน ผ้าไหม ผ้าทอมือ และอื่น ๆ ก็ได้

แต่บางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าใยสังเคราะห์ อย่างผ้ายืดสแปนเด็กซ์ หรือผ้าลื่นผสมสำหรับกีฬาทางน้ำ ซึ่งเราก็มีวิธีแก้ ด้วยการหันไปใช้ผ้าทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น ผ้าจากไผ่ ปอ กัญชง Lyocell, Modal หรือ Tencel แบบที่มีตรารับรองว่าปลอดภัยจากสารเคมี

เหตุผลที่ต้องมีตรารับรอง เพราะว่า เส้นใยทางเลือกเหล่านี้ ซึ่งทำมาจากพืชที่ไม่ได้มีเส้นใยที่ปั่นขึ้นเป็นเส้นด้ายได้ทันทีแบบดอกฝ้าย จำเป็นต้องใช้กรรมวิธีในการละลายเพื่อให้เนื้อเยื่อของพืช ลำต้น เปลือกไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ สามารถทำเป็นเส้นใยผ้าได้เสียก่อน

มีหลายกรรมวิธีในการทำ ซึ่งบางวิธีก็มีการใช้สารเคมีจำนวนมหาศาล หรือต้องใช้ความร้อนสูงมาก และไม่ใช่วิธีที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นคือ การมีสารเคมีสูง ต่อให้เป็นเส้นใยธรรมชาติแค่ไหน ก็ย่อยสลายได้ยากมาก รวมทั้งยังปล่อยสารเคมีออกสู่ธรรมชาติอีก


ในส่วนของเสื้อผ้าที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล หรือ ผ้าใยสังเคราะห์รีไซเคิล แท้จริงแล้วต้องใช้สารเคมีอันตรายหลายตัว เพื่อทำให้ขยะพลาสติกมาเป็นเส้นใยเสื้อผ้าที่นุ่มหรือดีเหมาะสมกับการสวมใส่ได้ หรือต้องมีการนำไปผสมเส้นใยสังเคราะห์เพิ่มเติมก่อนเพื่อให้สามารถทอขึ้นเป็นเสื้อผ้าได้

จากผลการศึกษาพบว่า เสื้อผ้าตระกูลนี้มีสารเคมีสูง ไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ และอาจทำลายธรรมชาติมากกว่าเสียอีก


การเลือกใช้เสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ (Biodegradable) และปลอดภัยต่อสารเคมีด้วย ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เสื้อผ้าตัวนั้นจะปลอดภัยต่อทั้งตัวคุณและธรรมชาติ

ภายหลังมานี้ มีการวิจัย และสร้างสิ่งที่ไม่ใช่แค่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติได้ดีอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้และพืชต่าง ๆ ได้ด้วย

รวมทั้งยังมีการพัฒนาต่อเนื่องถึง เส้นใยธรรมชาติที่จะใช้ทรัพยากรน้ำ ดิน และพื้นที่ในการเพาะปลูกน้อยมาก ขึ้นมาเพื่ออนาคตอีกด้วย

1. นม

จริง ๆ แล้วมีการคิดค้นเส้นใยจากนมโคขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงปี 1930 แล้ว แต่ในยุคนั้นจำเป็นต้องใช้สารเคมีอันตรายมหาศาลเพื่อทำให้เป็นเส้นด้าย

ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี เรามีนวัตกรรมที่ไม่ต้องใช้สารเคมีเหล่านั้นแล้ว โดยจะได้เส้นใยที่นุ่มลื่นคล้ายผ้าไหม และยังแห้งไวกว่าผ้าฝ้ายด้วย


2. กาแฟบด

สามารถนำมาทำเป็นเส้นใยสำหรับเสื้อผ้าที่เหมาะกับฤดูหนาวได้ เหมาะเป็นเสื้อตัวนอกมากกว่า เพราะถ้าเป็นกรรมวิธีที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ผ้าจะไม่นุ่มลื่นนัก แต่มีข้อดีตรงที่เก็บความอบอุ่นของร่างกาย ใช้กันหนาวได้ดี

ข้อดีกว่านั้นคือ แม้จะเป็นเศษกาแฟบดที่เหลือทุกครั้งจากการชงกาแฟในร้านต่าง ๆ ก็สามารถนำมารียูสใช้ทำเสื้อผ้าได้เหมือนกัน


3. ไวน์

เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง แต่อย่าลืมว่าไวน์ก็ทำจากธรรมชาติเช่นกัน การที่ทำมาจากองุ่นทำให้มีความเข้มข้น ผ่านนวัตกรรมแล้วสามารถปั่นขึ้นเป็นเส้นใยผ้าได้ง่าย

ถึงแม้ว่าจะมีสีติดมาบ้างตามสีของไวน์แต่ละชนิด แต่สีที่ได้มีความสวยงามแบบที่ไม่มีใครเหมือนเลยทีเดียว

ข้อเสียอย่างเดียวคือ อาจมีกลิ่นไวน์ติดหลงเหลืออยู่บ้าง แต่หลังจากซักหลายครั้งก็คงไม่ใช่ปัญหา


4. สาหร่ายทะเล

เส้นใยนี้เป็นเส้นใยล่าสุด มีประสิทธิภาพสูง และอาจดีต่อธรรมชาติที่สุดก็เป็นได้

เพราะการทดลองวิจัยพบว่า สาหร่ายทะเลแบบ Kelp พันธุ์ที่มีส่วนประกอบของ Alginate ซึ่งเป็นสารประกอบในพันธะน้ำตาลชนิดหนึ่ง สามารถนำมาทำให้กลายเป็นผง และน้ำไปละลายเป็นเจลอีกครั้ง ซึ่งสามารถใส่สีธรรมชาติลงไปได้ในขั้นตอนนี้ (เช่น น้ำแครอท ขมิ้น เปลือกมะม่วง อินดิโก้ ฯลฯ) ก่อนจะนำไปปั่นเป็นเส้นใย ขึ้นเป็นเส้นด้าย และทอเป็นเสื้อผ้าต่อไป

ข้อดีคือ สาหร่ายทะเลตระกูลนี้มีอยู่อย่างมหาศาลในธรรมชาติ ขยายพันธุ์รวดเร็วมาก ไม่ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ไม่ต้องกังวลเรื่องศัตรูพืช ไม่ต้องใช้สารเคมีอะไรแน่นอน และไม่ต้องใช้ที่ดินในการเพาะปลูกกว้างขวางเหมือนอย่างพืชเส้นใยทั่วไป


นอกจากนั้น ยังได้มีการปรับปรุงจุลินทรีย์ให้สามารถย้อมสีผ้าได้ด้วย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ปฏิวัติวงการการย้อมสีผ้าเลยทีเดียว

เนื่องจากการย้อมสี เป็นสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมีมากที่สุด แม้จะเป็นสารเคมีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพหรือมีปริมาณน้อยจนขอใบรับรองออร์แกนิกได้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นสารเคมีอยู่ดี

หรือถึงแม้จะมีสีที่ทำจากถั่วเหลือง ที่เรียกว่า Soy Ink แต่ก็ไม่สามารถใช้เป็นส่วนประกอบทั้งหมดได้ และในความเป็นจริงก็ใช้กันเพียง 10% ของสีย้อมเท่านั้น

จุลินทรีย์ที่สามารถย้อมสีผ้าได้ สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ทั้งหมด ทั้งยังรับรองแล้วว่าไม่กระทบต่อระบบนิเวศอีกด้วย จะถือเป็นมิติใหม่แห่งวงการแฟชั่นที่รักษ์โลกได้ในอนาคต


เส้นใยทางเลือกที่ดีต่อธรรมชาติมากเหล่านี้อาจยังไม่มีวางขายทั่วไป อาจมีราคาสูง หรือมีแบบให้เลือกน้อย แต่ในอนาคตอันใกล้ก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแค่เราเปลี่ยน หันมาสนับสนุน คิดถึงอนาคตของเรา ของลูกหลานเรา และของโลกใบนี้



เพราะเราเชื่อเสมอว่า

One Small Change

-can make-

One Big Difference




bottom of page